เล่นบาคาร่า ออนไลน์ เป็นเกมไพ่ที่ได้รับความนิยมในวงกลุ่มนักเดิมพันที่ต้องการลงทุนกับพนันออนไลน์และผู้เล่นสามารถเข้าเล่นผ่านแอปพลิเคชันง่ายๆ บนสมาร์ทโฟน หรือ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค ได้เช่นกัน เมื่อทาน เล่น บาคาร่า คุณจะทำการเดิมพัน ระหว่างฝ่าย “ผู้เล่น” (Player) และ “เจ้ามือ” (Banker) โดยมีผู้แจกไพ่สาวทำการแจก ไพ่ ให้แต่ละฝ่าย โดยแจกไพ่ 2 ใบหรือไม่เกิน 3 ใบในทุกๆ เกม ในการแจกไพ่จะเริ่มจากฝั่งผู้เล่นแล้วตามด้วยฝั่งเจ้ามือ แล้วสลับกันเรื่อยๆ จนครบ 2 ใบ สำหรับการเดิมพันแต่ละฝ่ายการแจกไพ่จะต้องเปิดไพ่โชว์เสมอ ถ้าหากมีไพ่ที่คะแนนต่ำ ต้องการจั่วไพ่เพิ่ม อีกทั้งยังมีกฎเพิ่มเติมที่ควบคุมกระบวนการจั่วไพ่อีกด้วย ผลการแพ้ชนะในเกมสามารถเป็นไปได้ในรูปแบบ “ผู้เล่น” (คะแนนสูง), “เจ้ามือ” หรือ “เสมอ” ก็ได้
กติกาการ เล่นบาคาร่า ออนไลน์ และวิธีการนับคะแนนที่ควรศึกษาก่อนเดิมพัน

อ่านเรื่อง สล็อต รอยัล777 เคล็ดลับคว้าเงินแบบง่าย ๆ ที่คุณก็ทำได้ ได้ที่นี่
ก่อนการที่ทุกท่านจะเข้าเล่น บาคาร่า และเข้าเดิมพันเกมบาคาร่าวันนี้ Zabbet1 ขอมาแนะนำกติกาและวิธีการนับคะแนนของเกม ไพ่ บาคาร่าให้แก่ทุกท่าน เพื่อที่ท่านจะได้เข้าใจและไปทำเงินจากการเดิมพันนี้ได้อย่างลื่นไหล บาคาร่า ออนไลน์ โดยเกมบาคาร่า ออนไลน์ นั้นจะมีไพ่ทั้งหมด 416 ใบ แบ่งให้ออกเป็น 8 สำรับ ในของแต่ละเกม การเลือกเดิมพันนั้นก็จะมี 2 ฝั่งหลักๆ คือ Player ผู้เล่น และ Banker เจ้ามือ โดยเริ่มต้นจะมีการแจกไพ่ ฝั่งละ 2 ใบ บาคาร่า Zabbet1 หลังจากนั้นลุ้นในเกมว่าให้ฝ่ายใดมีเลขรวมใกล้เคียงกับ 8 หรือ 9 ฝ่ายใดมากที่สุด ก็จะเป็นผู้ชนะ ในสูตร บาคาร่า หากผลทั้งสองฝั่งออกต่ำกว่า 8 กับ 9 และฝั่งใดที่มีผลต่ำกว่า 4 แต้ม สามารถจั่วไพ่เพิ่มอีก 1 ใบได้ ทดลองเล่น บาคาร่า เพื่อลุ้นว่าจะชนะการเดิมพันได้หรือไม่ เมื่อรู้กับกติกา การเล่นเกม ไพ่ ป็อกเด้ง บาคาร่า เบื้องต้นแล้ว เราก็จะพาทุกท่านไป รู้จักกับวิธีการนับคะแนนของ เกมบาคาร่า จะเป็นอย่างไรนั้นตามไปดูกันเลย
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 0 แต้ม Player หรือ Banker ต้องจั่ว ไพ่ ใบที่ 3
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 1 แต้ม Player หรือ Banker ต้องจั่ว ไพ่ ใบที่ 3
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 2 แต้ม Player หรือ Banker ต้องจั่วไพ่ใบที่ 3
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 3 แต้ม Playerต้องจั่ว ไพ่ ใบที่ 3 ถ้าฝั่ง Player เป็น 8,9 แต้ม Banker ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 4 แต้ม Playerต้องจั่ว ไพ่ ใบที่ 3 ถ้าฝั่ง Player เป็น 0,1,8,9 แต้ม Banker ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 5 แต้ม Playerต้องจั่ว ไพ่ ใบที่ 3 ถ้าฝั่ง Player เป็น 0,1,2,3,8,9 แต้ม Banker ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 6 แต้ม Playerไม่ต้องจั่วเพิ่ม ถ้าฝั่ง Player เป็น 0,1,2,3,4,5,8,9 แต้ม Banker ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 7 แต้ม Playerไม่ต้องจั่วเพิ่ม หรือ Banker ไม่ต้องจั่วเพิ่ม
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 8 แต้ม ไพ่ป็อก ตัดสิน เป็นผู้ชนะ แต่ต้องดูว่าอีกฝ่ายผลรวมเป็น 9 หรือไม่
- แต้มรวมไพ่ 2 ใบแรกเป็น 9 แต้ม ไพ่ป็อก ตันสิน ผู้ชนะ
โอกาสชนะสูง ในบาคาร่า
บาคาร่า มีอัตราการชนะที่สูงเมื่อเทียบกับเกมคาสิโนอื่นๆ ซึ่งโอกาสชนะจะขึ้นอยู่กับวิธีการวางเดิมพันของคุณ ทั้งนี้จะต้องทราบว่า บาคาร่า ยังคงเป็นเกมที่ขึ้นกับโชค แม้ว่าจะมีความสามารถทางสถิติในการวางเดิมพันที่เหมาะสม มันยังไม่สามารถรับประกันความชนะเสมอไป
เมื่อคุณวางเดิมพันใน บาคาร่า คุณสามารถวางเดิมพันได้ 3 แบบ ได้แก่ “Banker”, “Player” และ “Tie”. โอกาสการชนะของแต่ละ วิธีการ วางเดิมพันนั้นขึ้นอยู่กับ “house edge” หรือ การได้เปรียบของ คาสิโน โดยส่วนใหญ่ “house edge” จะต่ำที่สุดสำหรับการวางเดิมพันที่ “Banker”, ทำให้มันเป็นวิธีการวางเดิมพันที่มีโอกาสชนะสูงที่สุด
- Banker: House edge 1.06% – นี่คือการวางเดิมพันที่มีโอกาสชนะสูงสุดในเกม บาคาร่า แต่ทั้งนี้คุณจะต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 5% ถ้าชนะในการวางเดิมพันนี้
- Player: House edge 1.24% – การวางเดิมพันนี้มีโอกาสชนะที่ ต่ำกว่า Banker เล็กน้อย แต่คุณไม่ต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่นถ้าชนะ
- Tie: House edge 14.36% – การวางเดิมพันนี้มีโอกาสชนะที่ ต่ำมาก แต่ถ้าชนะ คุณจะได้รับเงินเดิมพัน 8 หรือ 9 เท่าตามกฎของคาสิโน
ดังนั้น ถ้าคุณต้องการเพิ่มโอกาสชนะในบาคาร่า คุณควรวางเดิมพันที่ “Banker” ในส่วนใหญ่ แต่จำไว้ว่า แม้ว่า “Banker” จะมีโอกาสชนะสูงสุด คุณยังต้องจ่ายค่าคอมมิชชั่น 5% ถ้าชนะ.